บทความทั้งหมด

ตามชื่อของมัน Centenario หมายถึง 100 ถูกสร้างมาพิเศษพื่อฉลองครบรอบ 100 ปี แก่ Ferruccio Lamborghini ผู้ก่อตั้งแบรนด์ ทำให้หลายคนเล็งที่จะครอบครองมันมาก ผลิตเพียง 40 คัน ในโลก แบ่งเป็น Coupe และ Roadster อย่างละ 20 คัน ตัวถังแบบคาร์บอนไฟเบอร์มากับดีไซน์สุดอลังกาล

ยังไม่เร้าใจพอ เลยจัดการเปลี่ยนกล่องสมองกลใหม่ เทอร์โบชาร์จเจอร์ลูกใหญ่ขึ้น ไส้กรองอากาศ และระบบท่อไอเสียใหม่ยกชุด ลูกค้ายังสามารถเลือกได้ด้วยจะเอาปลายท่อแบบออกข้าง 2 ฝั่ง เหมือนเดิม หรือเป็นแบบท่อคู่ออกกลางตัวรถ

Aston Martin Valkyrie ถือเป็นโปรเจ๊คที่ดึงศักยภาพทุกคนที่ทำงานอย่างแท้จริง มันคือความฝันที่ได้เห็นรถ F1 สำหรับวิ่งบนท้องถนน Valkyrie เกิดจากความทุ่มเทแน่วแน่ของกลุ่มวิศวกรและช่างเทคนิคทักษะสูง ที่ทำงานแบบไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยจนรถได้เข้าสู่ขั้นตอนการผลิต 

599 SA Aperta ถูกสร้างมาแค่ 80 คัน ในโลก เพื่อเป็นการฉลองครบรอบ 80 ปี ให้กับ Pininfarina ที่ออกแบบรถให้เฟอร์รารี่มาอย่างยาวนาน โดยชื่อรุ่น SA นั้นย่อมาจาก Sergio และ Andrea Pininfarina (ลูกชายของ Sergio) SA Aperta พิเศษกว่า 599 GTB ปกติ ด้วยการเป็นเวอร์ชั่น Roadster เปิดประทุน

Novitec Ferrari F8 N-Largo Spider ถือเป็นตัวจบสุดทางของ Novitec แล้ว ภายนอกจัดมาให้ดุๆ ด้วยชุดตัวถังคาร์บอนไฟเบอร์ Wide body ออกแบบโดยดีไซน์เนอร์ชาวเยอรมัน Vittorio Strosek ตัวรถดูบึกขึ้นกว้างกว่าเดิม 13 ซม.

Mercedes-AMG SL นี่คือ Roadster รุ่นใหม่ที่จะมาแทนที่ AMG GT Roadster มากับโครงสร้าง Aluminium Spaceframe  ใหม่ทั้งหมดไม่ใช้ร่วมกับรุ่นใด ผสานทั้งวัสดุ อลูมิเนียม, เหล็ก, แมกนีเซียม, ไฟเบอร์ เพื่อมาช่วยลดน้ำหนัก ระบบกันสะเทือน 4 ล้อ แบบ Double Wishbone พร้อมระบบ AMG Active Ride Control  หลังคาแบบผ้าใบทำงานในเวลา 15 วินาที

คุณสามารถเลือกเฉดสีได้กว่า 44,000 สี ตามใจชอบ แต่ถ้าจะให้สมชื่อ Black Bade มันก็ต้องแนวสีดำนี่แหละ สีดำของ Ghost Black Badge เป็นสีดำเงาที่มืดเข้มที่สุดในอุตสาหกรรมยานยนต์ แค่เนื้อสีอย่างเดียวก็มีน้ำหนักกว่า 45 กก. ยิ่งถ้าเลือกเส้น Coachline สีเด่นๆ หน่อยจะยิ่งตัดกันมาก นอกจากนี้นางฟ้า Spirit of Ecstasy

Corvette Z06 ใหม่ ถือเป็นยกระดับซุปเปอร์คาร์ฝั่งอเมริกันอย่างแท้จริง มันขับได้ดีทั้งบนถนน และสนามแข่ง แชสซีส์ถ่ายทอดจากตัวแข่ง Corvette C8.R ที่คว้าแชมป์ IMSA GTLM ซีซั่น 2020 จุดที่ปรับเปลี่ยนเห็นได้ชัดจาก Stingray C8 ปกติ ซุ้มล้อบังโคลนหน้า-หลัง กว้างขึ้น ด้านหน้าเพิ่ม 30 มม. หลังเพิ่ม 40 มม. เพื่อรองรับยางซีรี่ย์ใหญ่ขึ้น

Roger Dubuis Excalibur Spider Countach DT/X หรือถ้าชื่อยาวไปเรียกสั้นๆ ว่า "RD112" ตัวเรือนขนาด 47 มม. มาในสีขาวมุก Bianco Siderale แบบเดียวกับรถ Countach ใช้วัสดุ Mineral Composite Fiber (MCF) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีขั้นสูงเอกสิทธิ์เฉพาะพวกเขา

LC Black Inspiration ใหม่ มาในสไตล์หรูดุเข้มขรึม งานตัวถัง แผงกระจังหน้า กรอบกระจกมองข้าง จนไปถึงล้อฟอร์จ 5 ก้านคู่ ขนาด 21 นิ้ว ถูกพ่นเป็นสีดำพิเศษ Graphite Black

ทาง Officine Fioravanti ยังคงสภาพตัวถังดั้งเดิมไว้ จุดที่เปลี่ยนแปลง จะมีการปรับปรุงด้านอากาศพลศาสตร์ใต้ท้องรถ ล้อชุดใหม่แบบ Center Lock ลายเดิมแต่ใหญ่ขึ้นเป็นขนาดด้านหน้า 17 นิ้ว หลัง 18 นิ้ว (ของเดิม 16 นิ้ว) หุ้มยาง Michelin Pilot Sport 4 อัพเกรดความปลอดภัย

Bugatti Centodieci นำทัพร่วมกับ Chiron Super Sport สี่คัน และ Chiron Pur Sport สามคัน บวกทีมวิศวกรอีก 27 คน เริ่มออกเดินทางระยะทางกว่า 800 กม. จากแคลิฟอร์เนีย มุ่งหน้าสู่แอริโซน่าดินแดนทะเลทรายอันร้อนระอุ

ด้านข้างกล่องที่เปิดได้อีก 2 ฝั่ง ยังเป็นช่องเก็บแคปซูลทรงกระบอก โดยฝั่งนึงใช้สำหรับเก็บขวดวิสกี้ หรือเครื่องดื่มที่คุณชอบ ภายในจะมีตัวปรับเพื่อให้เข้ากับขวดขนาดต่างๆ ได้ รวมถึงมีตัวล๊อคยึดขวดไว้แน่นหนาป้องกันความเสียหาย และอีกฝั่งนึงจะเป็น humidor เป็นที่สำหรับเก็บซิการ์โดยเฉพาะ

วันนี้จะพูดถึงรุ่นขับหลัง RWD ที่ยังมีให้เลือกเช่นเคยทั้งแบบ Coupe และ Spyder หลังคาผ้าใบใช้เวลาเปิดภายใน 20 วินาที สีตัวถังมีให้เลือก 10 สี จะมีเพิ่มสีน้ำเงินเข้ม Ascari Blue Metallic เข้ามาซึ่งปกติจะมีเฉพาะกับตัวขับสี่ Performance quattro เท่านั้น จุดเด่นของตัวขับหลังเลย คือเน้นขับสนุกเร้าใจ ช่วงล่างกับพวงมาลัยถูกเซ็ทมาเฉพาะ น้ำหนักที่เบากว่าตัวขับสี่ราวๆ 60-50 กก. 

ภายในงานนี้ยังมีการประกาศรางวัล Design Award ซึ่งโหวตโดยผู้เข้าร่วมงาน ผู้ชนะคือ Pininfarina Battista คันนี้ที่มากับตัวถังสีเขียวเมทัลลิก Verde Paradiso ที่ดูหรูหรามีระดับ หลังคาเป็นสีดำตัดด้วยคิ้วหน้าต่างอลูมิเนียมปัดเงาชุบอโนไดซ์ ตัวถังส่วนล่างและดิฟฟิวเซอร์ท้ายจะเน้นโชว์ลายคาร์บอนฯ สีดำ Exposed Signature Carbon

FXX-K EVO ขนาด 1:8 จาก Amalgam Collection ผลิตเป็นงานแฮนด์เมดในเวิร์กช็อปพวกเขาที่เมืองบริสตอลประเทศอังกฤษ ทั้งยังได้ความร่วมมือจาก Ferrari ตรวจสอบอย่างละเอียดโดยทีมออกแบบและวิศวกรของผู้ผลิตเพื่อให้แบบมีความแม่นยำไม่ต่างจากของจริง

968 L'ART ใช้เวลาออกแบบและสร้างกว่า 18 เดือน ภายในเวิร์กช็อปกรุงปารีส บนพื้นฐานของ Porsche 968 ที่กำเนิดขึ้นครั้งแรกในปี 1992 ปัจจุบันก็ครบรอบ 30 ปี พอดี รูปลักษณ์ภายนอกถูกออกแบบให้ดูเท่แนวสตรีท โดนใจวัยรุ่นทั้งในอดีตและสมัยใหม่ ตัวถังใช้สีเขียวมุกพิเศษ

LaFerrari ไฮบริดไฮเปอร์คาร์ตัวเทพของม้าลำพอง เกิดมาครั้งแรกในปี 2013 ไล่เลี่ยกับพวก McLaren P1 และ Porsche 918 Spyder ราคาคาดการณ์ช่วงเปิดตัวอยู่ระดับ 1.5 ล้านเหรียญสหรัฐ จนถึง 2 ล้านเหรียญสหรัฐ และนี่ผ่านไปเกือบ 9 ปี แล้ว มูลค่าของมันยิ่งทวีคูณขึ้นไป

Bugatti Bolide เป็นไฮเปอร์คาร์ที่เอาไว้ขับบนสนามแข่งโดยเฉพาะ โครงสร้างตัวถังทำจากคาร์บอนไฟเบอร์ทั้งหมด น้ำหนักรถเปล่าเพียงแค่ 1,240 กก. ตัวรถสูงเพียง 995 มม. เท่ากับรถแข่ง Bugatti TYPE 35 ในยุค 1920 เป๊ะๆ

สปอยเลอร์หลังคา, สปอยเลอร์ฝากระโปรงท้าย และดิฟฟิวเซอร์ท้ายรับกับท่อไอเสียสแตนเลสใหม่ ที่มีระบบควบคุมวาล์วให้เสียงเร้าใจกว่าของเดิม ปลายท่อขนาด 4x100 มม. เลือกเป็นคาร์บอนฯ หรือแบบเคลือบเซรามิกได้ ลวดลายสติ๊กเกอร์คาดตัวถังสามารถสั่งได้

Chiron Super Sport 300+  ถือเป็นตัวแรงที่สุดจากบูกัตติ หลายคนยังสงสัยว่ามันเหมือนกับ Chiron Super Sport รึเปล่า?? ใช่มันเหมือนกัน แต่พิเศษกว่าที่งานตัวถังทั้งลำเป็นแบบ Exposed carbon สีดำ Jet Black ตราบูกัตติบนกระจังหน้าทำจากเงินแท้ถูกเคลือบเป็นสีดำ พร้อมพาดเส้นสีส้ม Jet Orange

อย่างคันในรูปจะเป็น RR Dawn Silver Bullet รุ่นพิเศษ ที่มี 50 คัน ในโลก ก็นำมาติดตั้งชุด Softkit นี้ ชิ้นงานจะทำจากคาร์บอนไฟเบอร์ลวดลายพิเศษทั้งหมด ตั้งแต่ โครงกระจังหน้า, ฝากระโปรงหน้าครอบคลุมไปถึงเสากระจกหน้า, สเกิร์ตหน้า, สเกิร์ตหน้าหลัง, สเกิร์ตข้าง, กรอบแผงชุดไฟ DRL หน้ารถ

Agera S ไฮเปอร์คาร์สุดหายากคันนี้ ผ่านการวิ่งมาเพียง 3,323 กม. ถูกเซ็คสภาพเปลี่ยนน้ำมันเครื่องมาเรียบร้อยโดยทางโคนิกเซกก์ฮ่องกง ตัวถังภายนอกใหม่กริ๊บไร้ร่องรอยเป็นแบบ Exposed carbon เห็นลายคาร์บอนสีเขียวทั้งคัน