บทความ supercar

เบนท์ลีย์นำเสนอรุ่นลิมิเต็ดสองรุ่นจัดทำโดยแผนก Mulliner เป็นความร่วมมือระหว่าง Jack Barclay ตัวแทนจำหน่าย Bentley ที่เก่าแก่ก่อตั้งในปี 1927 และร้านสูท Huntsman เป็นการเฉลิมฉลองมรดกและประวัติศาสตร์อันทรงเกียรติในลอนดอน

เป็นการปล่อยภาพยั่วกันแบบลางๆ ซึ่งเมื่อดูแล้วรุ่นใหม่นี้จะมีความหรูอลังกาลกว่ารุ่นปัจจุบันแน่นอน โดยยังโดดเด่นด้านสมรรถนะและไดนามิกในการขับขี่ที่แม่นยำ ห้องโดยสารก็เป็นดีไซน์ใหม่หมด มีจอกลาง Infotainment

โชว์เหนือด้วยอัตราเร่ง 0-400-0 กม./ชม. (0-249-0 ไมล์/ชม.) ด้วยเวลา 29.93 วินาที เฉือนแชมป์เก่าอย่าง Koenigsegg Regera ไป 1.5 วินาที แต่ก็ต้องยอมรับว่า Regera ที่ใช้เครื่อง V8 5.0 ลิตร เทอร์โบคู่

Lamborghini Urus Essenza SCV12 รุ่นลิมิเต็ดผลิตแค่ 40 คัน ภายนอกทุกอย่างยังเหมือน URUS Performante ปกติ ต่างตรงที่ตัวถังจะเป็นแบบทูโทน สีหลักลูกค้าสามารถเลือกได้ตามต้องการโดยแผนก Ad Personam ส่วนล่างตัวถังจะเป็นสีดำเสริมเส้นไฮไลต์ยาว

DBX707 AMR23 Edition เป็นรุ่นพิเศษที่นำเอกลักษณ์จากรถแข่ง F1 AMR23 และรถแพทย์ Medical Car ตัวถังภายนอกมากับสีเขียวพิเศษ Podium Green ตัดเด่นส่วนล่างตัวที่เป็นชุดแต่งคาร์บอนไฟเบอร์ด้วยสีเขียวมะนาว ใกล้ซุ้มล้อหน้าติดตรา Q by Aston Martin และคาลิเปอร์เบรก Aston Martin Racing Green

Bentley Speed Edition 12 รุ่นลิมิเต็ดฉลองความสำเร็จเครื่อง W12 ปล่อยออกมาให้เลือกทั้ง 4 รุ่น Bentayga, Flying Spur, Continental GT และ Continental GTC การตกแต่งทั้ง 4 รุ่นจะเป็นสไตล์เดียวกันหมด ตัวถังภายนอกสามารถเลือกสีได้อิสระ แต่ในภาพที่เห็นเป็นสีใหม่ Opalite

718 Spyder RS ขั้นสุดของ 718 เปิดประทุนเน้นความเร้าใจจัดเต็ม ตัวถังมีน้ำหนัก 1,410 กก. เบากว่า 718 Spyder ที่ใช้เกียร์ PDK ถึง 40 กก. และยังเบากว่าตัวโหด 718 Cayman GT4 RS อีก 5 กก. เมื่อมองตัวรถจากทางด้านหน้ามันแทบไม่ต่างจาก 718 Cayman GT4 RS ไม่ว่าจะฝากระโปรงทำจากพลาสติกผสมเส้นใยคาร์บอนเสริมแรง (CFRP) พร้อมช่องลมคู่ NACA Duct ไว้ระบายความร้อนเบรก

ผลตอบแทนจากการขายในไตรมาสแรกเพิ่มขึ้นจาก 20.9% ปี 2022 เป็น 24.4 เปอร์เซ็นต์ โดยสาเหตุที่ดีขึ้นขนาดนี้เพราะลูกค้าชื่นชอบในรถที่ปรับแต่งเฉพาะตัวสเปคแบบจัดเต็ม และพวกรุ่นพิเศษโดยแผนก Mulliner และรุ่นลิมิเต็ดจำนวนจำกัด

ตั้งแต่วันที่ 11 ถึง 14 พฤษภาคม นี้ จะมีงาน Motor Vally Fest ครั้งที่ 5 จัดขึ้นในเมืองโมเดนา อิตาลี Pagani เป็นหนึ่งแบรนด์ที่เข้าร่วม นี่คือโอกาสสำหรับประชาชนทั่วไปจะได้ใกล้ชิด Pagani Utopia ใหม่ล่าสุด ซึ่งจะจัดโชว์ที่ลานเกียรติยศพระราชวัง Ducal Palace of Modena

ลูกค้าท่านนี้ถือว่าไม่ธรรมดาเขาได้ครอบครอง Bugatti ตัวถังสีดำส้มซึ่งเป็น 3 รุ่นระดับทำลายสถิติโลก Chiron Super Sport 300+ ผลิต 30 คัน, Veyron 16.4 Super Sport ผลิต 30 คัน และ Veyron 16.4 Grand Sport Vitesse WRC Edition ผลิต 8 คัน

McLaren 750S เปิดตัวทีเดียวทั้งตัวถัง Coupe และ Spider เปิดประทุน มีชิ้นส่วนใหม่ที่เปลี่ยนจากรุ่นก่อนถึง 30% น้ำหนักถูกรีดเบากว่า 720S 30 กก. (DIN) และน้ำหนักรถเปล่าเบาสุดเพียง 1,277 กก. (รุ่น Spider น้ำหนักเพิ่มขึ้น 49 กก.) รูปลักษณ์ภายนอกมีจุดแตกต่างจาก 720S เพื่อแอโรไดนามิกและเพิ่มแรงกดยิ่งขึ้น

GranTurismo One Off Ouroboros เป็นการร่วมมือกับทาง Fragment แบรนด์สตรีทแวร์ญี่ปุ่นที่พันธมิตรอันยาวนาน สร้างบนฐานรุ่น Folgore ขับเคลื่อนไฟฟ้า รูปลักษณ์ภายนอกเน้นความเชื่อมโยงระหว่างยุคสมัยต่างๆ ของ Maserati ไฟหน้าทรงกลมแนวรถแข่ง Maserati Tipo 151 กระจังหน้ามันวาวสไตล์จาก A6GCS Berlinetta Pininfarina

นี่เป็นการร่วมมือกันระหว่างสองบริษัทจากอิตาลี Pirelli และ Ciclotte จักรยานล้อเดี่ยวดีไซน์หรูที่ให้ประสบการณ์เหมือนคุณออกไปปั่นเสือหมอบอย่างจริงจัง มีระบบปรับแรงต้านแม่เหล็ก โครงสร้างผลิตจากคาร์บอนไฟเบอร์น้ำหนักเบา

ห้องโดยสารกลมกลืนกับภายนอกด้วยโทนสีดำ Beluga และแดง Hotspur เบาะนั่งปักอักษร Mulliner บนพนักพิงศรีษะ คอนโซลหน้าต่อเนื่องแผงข้างประตูตกแต่งด้วยแผงไม้ Grand Black สีดำเงาคู่กับวัสดุใหม่สีเทาเป็นหินแกรนิต

Bolide จะมากับเครื่องยนต์  W16 ขนาด 8.0 ลิตร เทอร์โบ 4 ลูก กำลังกว่า 1,600 แรงม้า (ปรับลดจากช่วงต้นประกาศ 1,850 แรงม้า) น้ำหนักรถเปล่า 1,450 กก. ซึ่งจะได้อัตราส่วนแรงม้าต่อน้ำหนักเหนือกว่า 1:1

Lamborghini ฉลองครบรอบ 60 ปี ด้วยการปล่อย Huracán รุ่นลิมิเต็ดจัดเต็มทั้ง Huracán STO, Huracán Tecnica และ Huracán EVO Spyder อย่างละ 60 คัน ซึ่งเราจะได้เห็นโฉมเต็มๆ ในวันที่ 21 เม.ย. นี้ ที่ Segheria ในมิลาน ซึ่งเป็นอีเว้นท์พิเศษส่วนหนึ่งของงาน Milan Design Week

Aston Martin เผยภาพของ DBS 770 Ultimate Volante เปิดประทุนหลังคาผ้าใบรุ่นสูงสุดของค่าย เรียกได้ว่าสวยดุเอาเรื่อง ตัวถังหนักขึ้นตามระเบียบรถแนวนี้ 1,945 กก. เพิ่มขึ้น 100 กก. จากรุ่น Coupe การกระจายน้ำหนักหน้า-หลังรุ่น Coupe ทำได้ 51:49% ใน Volante มาแบบ 50:50%

Continental GT Le Mans Collection สร้างบนพื้นฐานรุ่น Continental GT Speed ตัวถังภายนอกมาด้วยสีพิเศษเขียว Verdant green มีการพาดเส้นสีขาวกึ่งกลางฝากระโปรงหน้าและบน (หลังคา Coupe) กระจังหน้าพ่นหมายเลข 7 ด้วยสีขาว Arctica ซึ่งเป็นเบอร์ของรถแข่ง Bentley Speed 8

สำหรับคัน 3 นี้มาในสไตล์หรูเมื่อเทียบกับ 2 คันก่อนหน้าซึ่งเป็นสีเงิน ตัวถังมาในสีทองอ่อนทั้งคันรวมไปถึงล้อสีทูโทนด้วย ดูคุมโทนกับห้องโดยสารสีน้ำตาลอ่อน เบาะนั่งเป็นหนังที่ทอสานกันสวยงาม วัสดุอื่นอย่าง งานอะลูมิเนียมขึ้นรูป และคาร์บอนไฟเบอร์ก็ช่วยความเพิ่มความมีระดับได้อย่างดี

GranTurismo One Off Prisma ใช้พื้นฐานจากรุ่น Trofeo เครื่องสันดาป V6 3.0 ลิตร เทอร์โบคู่ 550 แรงม้า โดยแสดงออกถึงความภาคภูมิใจในอดีตและความสามารถของแบรนด์ในการก้าวไปอีกขั้น ตังถังรวมสีไว้ถึง 14 สี โดยมี 2 สี เป็นสีในอนาคต และอีก 12 สี

Novitec รองรับการปรับแต่งให้ทั้ง Ultimae Coupe และ Ultimae Roadster สำหรับภายนอกมีการเสริมชุดแต่งคาร์บอนไฟเบอร์เข้าไปหลายจุดเพื่อความหล่อและอากาศพลศาสตร์ที่ดีขึ้น เช่น ลิ้นหน้า, สปอยเลอร์ข้างกันชนหน้า, ฝากระโปรงหน้าแบบมีช่องอากาศ, สเกิร์ตข้าง

T.33 Spider เปิดประทุนหลังคาแบบถอดมือ มากับโครงสร้างโมโนค็อกคาร์บอนไฟเบอร์  iStream® Ultralight  เบาและรับมือต่อแรงบิดได้ดีเยี่ยม น้ำหนักตัวรถ 1,108 กก. เพิ่มขึ้นเพียง 18 กก. จากรุ่น T.33 รูปลักษณ์ภายนอกเน้นเรียบง่ายที่สุด คุณจะไม่พบสปลิตเตอร์ ช่องอากาศใหญ่ๆ หรือปีกท้ายโตๆ ที่ดูหวือหวา

มากับรูปทรงความเหลี่ยมมุมดูพรีเมี่ยมแรงบันดาลใจจากกระบะ Cybertruck กรอบเครื่องทำจากวัสดุอลูมิเนียม พื้นผิววางชาร์จหุ้ม Alcantara กว้างพอให้ชาร์จสามอุปกรณ์พร้อมกัน พร้อมเทคโนโลยี FreePower

Lamborghini Revuelto ชื่อของมันตั้งตามชื่อกระทิงดุจากสเปน (เวลาพูดต้องกระดกลิ้นด้วยนะ) ดีไซน์ภายนอกมาแนวล้ำยุค ด้านหน้าเด่นด้วยไฟ DRL สไตล์ Sián และ Terzo Millennio ด้านข้างตัวรถมีครีบจัดเรียงอากาศออกจากซุ้มล้อหน้า พร้อมช่องดึงอากาศเข้าขนาดใหญ่ ไฟท้ายเป็นตัว Y แนวยาวระดับเดียวกับปลายท่อไอเสียทรงหกเหลี่ยมคู่