McLaren W1 มากับโครงสร้างโมโนค็อก Aerocell ใหม่ล่าสุด ตัวถังคาร์บอนไฟเบอร์ทั้งหมดน้ำหนักรถเพียง 1,399 กิโลกรัม ตัวรถมากับดีไซน์ดุดัน ประตูยกเปิดแบบ Anhedral (เรียก Gullwing ก็ได้นะ) ด้านอากาศพลศาสตร์จากรถ F1 มีช่องลมแบบแอ๊คทีฟที่กันชนหน้าซึ่งจะทำงานประสานกับปีกท้ายแอ๊คทีฟ เมื่ออยู่ใน Race Mode ตัวรถจะปรับช่วงล่างต่ำลงด้านหน้า 37 มม. และด้านหลัง 17 มม. ปีกท้ายจะยืดถอยไปด้านหลังได้ 300 มม. กลายเป็นรถ Longtail
MC20 Maserati per Maserati รุ่นสั่งทำพิเศษหนึ่งเดียวโดยลูกค้าสุดพิเศษสองรายซึ่งเป็นหลานของ Ettore Maserati รุ่นนี้ผลิตขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองประวัติศาสตร์อันยาวนานของครอบครัวผู้ผลิตรถยนต์ในตำนาน ดำเนินการปรับแต่งโดยแผนก Fuoriserie ของ Maserati ตัวถังมาในสีฟ้า Blu Infinito
Spectre Lunaflair ได้แรงบันดาลใจจาก Lunar Halo ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่มีแสงสว่างโค้งรอบดวงจันทร์ในชั้นบรรยากาศที่เกิดจากการหักเหของแสงจันทร์ผ่านผลึกน้ำแข็งที่ลอยอยู่ในชั้นบรรยากาศ สีตัวถังแบบสั่งทำพิเศษเรียกว่า Holographic ให้เอฟเฟกต์สีรุ่งอันงดงาม
ทั้ง McLaren F1 และ McLaren P1 ต่างก็เป็นตำนาน ตอนนี้ต้องมีผู้สานตำนานต่อซึ่งก็คือ McLaren W1 โดยได้กำหนดการเปิดตัวเรียบร้อยนั่นคือ วันอาทิตย์ที่ 6 ตุลาคม 2024 ซึ่งใกล้มากแล้ว ชื่อ W1 เป็นการฉลองให้กับการแข่งขันชิงแชมป์โลกของ McLaren โดยในการเปิดตัวต่อสาธารณะชนถือเป็นการครบรอบ 50 ปี ที่ McLaren คว้าแชมป์ Formula 1 Constructors' World Championship ได้เป็นครั้งแรก และ Emerson Fittipaldi คว้าแชมป์ World Drivers' Championship เมื่อปี 1974 พร้อมกับ McLaren
โมเดล Ferrari 12 Cilindri ขนาด 1:8 สุดประณีตโดย Amalgam Collection ถูกสร้างด้วยมือในเวิร์กช็อปเมืองบริสตอลประเทศอังกฤษ ต้องใช้เวลาพัฒนามากกว่า 3,000 ชั่วโมง และใช้เวลาสร้างแต่ละโมเดลกว่า 300 ชั่วโมง ออกแบบผ่านโปรแกรม CAD ทำให้ได้มิติตัวถัง โค้ดสี วัสดุทุกจุด ตรงตามต้นฉบับเพราะทาง Ferrari จะส่งข้อมูลให้ทั้งหมด ตัวรถมาในสีแดง Rosso Imola พร้อมภายในโทนน้ำเงิน Blu Sterling
Rolls-Royce Private Office New York ตั้งอยู่ใจกลางย่าน Meatpacking District ที่คึกคักและหรูหราของนิวยอร์กซิตี้ ที่นี่คุณจะได้พบนักออกแบบ Bespoke โดยตรง ซึ่งจะทำงานร่วมกับคุณในการเลือกสีตัวรถ วัสดุหนัง ผ้า และสิ่งทอพิเศษต่างๆ เพื่อให้ได้รถสุดพิเศษของคุณที่มีเพียงหนึ่งเดียว
นี่คือ Mansory Pugnator ชุดแต่งใหม่ล่าสุดสำหรับ Purosangue รูปทรงสุดอลังกาล ตัวถังมากับสีพิเศษแดง Vermillion ชิ้นส่วนทั้งหมดทำจากคาร์บอนไฟเบอร์
จุดสูงสุดบนชั้น 28 เป็นที่ของ Rooftop Lounge และสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ซึ่งเผยทิวทัศน์ของอ่าว Biscayne และเส้นขอบฟ้าของเมืองไมอามีได้แบบไม่มีที่ไหนให้ได้ อยากสังสรรค์ก็มีโต๊ะย่างอาหารอุปกรณ์ครบครัน มีศูนย์ Fitness สุดหรูโปร่งตาด้วยการติดตั้งหน้าต่างบานใหญ่สูงจากพื้นจรดเพดานให้ทัศนียภาพของอ่าวได้เต็มที่
Lotus Theory 1 รถต้นแบบที่วางรากฐานงานออกแบบให้กับรถ Lotus ทุกรุ่นในอนาคต โดยยึดหลักแนวทาง 3 ประการ นั่นคือ Digital, Natural และ Analogue รวมกันเป็น DNA นั่นเอง ตัวถังทำจากเซลลูโลสคอมโพสิตและโพลีคาร์บอเนต ดีไซน์สุดล้ำไม่ว่าจะเป็นไฟหน้าแบบเลเซอร์สุดเพรียวบางน้อยกว่า 1 มิลลิเมตร
ภายในงานนี้มีผู้ร่วมงานจำนวนมากกว่า 20,000 คน รถสวยงามกว่า 800 คัน พร้อมกิจกรรมต่างๆ หลากหลาย Bugatti ได้นำ Bugatti Tourbillon มาโชว์ Mate Rimac ซีอีโอของ Bugatti Rimac, Christophe Piochon ประธานของ Bugatti, Hendrik Malinowski กรรมการผู้จัดการของ Bugatti และ Frank Heyl
การเกิดใหม่ของ Modena Design มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อ Pagani Automobili ซึ่งทำให้สามารถควบคุมการผลิตส่วนประกอบต่างๆ เช่น อะลูมิเนียม ไทเทเนียม และส่วนประกอบโลหะพิเศษได้อย่างสมบูรณ์ในทุกด้าน ตั้งแต่ขั้นตอนการออกแบบไปจนถึงวิศวกรรม จนถึงการดำเนินการขั้นสุดท้าย แต่ละขั้นตอนได้รับการจัดการด้วยระบบที่ล้ำสมัย
Veloce12 สร้างบนพื้นฐาน Ferrari 550 Maranello ปี 1996 การออกแบบใหม่นี้ยังคงกลิ่นอายดั้งเดิมไว้แต่ปรับให้เข้ายุคสมัยขึ้น ตัวถังทำจากคาร์บอนไฟเบอร์มีการปรับมิติตัวรถให้ใหญ่ขึ้น ยาว 4,579 มม. (เพิ่มขึ้น 29 มม.) กว้าง 1,961 มม. (เพิ่มขึ้น 26 มม.) สูง 1,291 มม. (เพิ่มขึ้น 26 มม.) และฐานล้อ 2,500 มม. (เท่าเดิม) ดีไซน์คำนึงถึงด้านอากาศพลศาสตร์
Venom F5-M Roadster เป็นสิ่งที่ทาง Hennessey ต้องการทำมาโดยตลอดและเหล่าลูกค้าก็ร้องขอมาอย่างมาก ด้วยพละกำลังสุดระห่ำ 1,817 แรงม้า จากเครื่อง Fury V8 6.6 ลิตร เทอร์โบคู่ และเพิ่มความเดือดทางอารมณ์ด้วยเกียร์ธรรมดา 6 สปีด ทำให้มันกลายเป็นรถเกียร์ธรรมดาที่ทรงพลังที่สุดในโลก
เมื่อเห็นคำว่า N-Largo สาวกถูกใจกันแน่ เพราะมันคือชุดแต่งตัวจบแบบ Wide body สร้างจากคาร์บอนไฟเบอร์ทั้งหมดเพื่อเน้นน้ำหนักเบา 296 GTB มีความกว้างด้านหน้าเพิ่มขึ้น 6 ซม. และด้านหลังเพิ่ม 12 ซม. ชิ้นส่วนที่เสริมรอบคันมาเพื่ออากาศพลศาสตร์ที่ดีขึ้น ล้อจาก Vossen ด้านหน้า 21 หลัง 22 นิ้ว ช่วงล่างมีให้เลือกอัพเกรดเฉพาะสปริงอย่างเดียว หรือเปลี่ยนทั้งชุดโช้คอัพจาก KW ซึ่งรองรับระบบไฮดรอลิคปรับยกล้อหน้าขึ้น 40 มม.
Valkyrie ของ Fernando Alonso ได้รับการทำพิเศษร่วมมือกับแผนก Q by Aston Martin รถของเขามาในตัวถังสีเขียว Aston Martin Racing Green ตัดกับสีเขียว AMR Satin Lime เน้นลากเส้นตามจุดอากาศพลศาสตร์ต่างๆ
Vanquish ใหม่ใช้โครงสร้างตัวถังอะลูมิเนียมแบบเชื่อมติดพร้อมระบบกันสะเทือนหน้าแบบปีกนกคู่และระบบกันสะเทือนหลังแบบมัลติลิงค์ที่ปรับปรุงใหม่ ตัวถังทำจากคาร์บอนไฟเบอร์ทั้งหมด ฐานล้อยาวขึ้นประมาณ 80 มม. (เพิ่มขึ้นระหว่างเสา A และเพลาหน้า)
Porsche Design Tower Bangkok เกิดจากความร่วมมือระหว่าง Porsche Design และ Ananda Development ที่ตั้งโครงการอยู่ในซอยสุขุมวิท 38 ซึ่งถ้าเดินออกมาปากซอยก็จะเจอสถานีรถไฟฟ้า BTS ทองหล่อ ตัวอาคารสูง 21 ชั้น มีเพียง 22 ยูนิต พื้นที่ใช้สอยตั้งแต่ 525-1,135 ตร.ม. เป็นห้องแบบ Duplex และ Quadplex Sky Villas
ถึงแม้หน้าตาของ GT2 Stradale จะให้อารมณ์รถแข่งจัดเต็ม แต่รุ่นนี้ออกแบบมาให้ใช้งานบนถนนทั่วไป ตัวรถถูกรีดน้ำหนักลงไป 60 กก. พร้อมประสิทธิภาพด้านอากาศพลศาสตร์ที่เพิ่มขึ้น ทำแรงกดสูงสุดได้ 500 กก. ที่ความเร็ว 280 กม./ชม. แบ่งเป็นกดด้านหน้า 130 กก. และ 370 กก. ที่ด้านหลัง ความดุดันเริ่มตั้งแต่หน้ารถ มีลิ้นหน้ากันชนชุดใหม่ ฝากระโปรงหน้าคาร์บอนไฟเบอร์ช่องลมจำนวนมาก
Phantom Scintilla Private Collection ชื่อรุ่นมาจากภาษาละตินที่แปลว่า " spark " เป็นแสงวาบที่ส่องประกายให้เห็นเพียงชั่วพริบตา ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นตัวแทนของสัญลักษณ์ Spirit of Ecstasy ที่เปี่ยมด้วยความสง่างาม ความมีชีวิตชีวา และความงาม นางฟ้าบนฝากระโปรงหน้ามาในสีขาวทำจากผิวเคลือบเซรามิกอันประณีต สื่อถึงพื้นผิวของหินอ่อน Parian หินอ่อนสีขาวเนื้อละเอียดที่ขุดได้ในยุคคลาสสิกบนเกาะ Paros ของกรีก
Nevera R มีการอัพเดตหน้าตาให้ดูล้ำยุคทันสมัยขึ้น พร้อมเพิ่มประสิทธิภาพในด้านอากาศพลศาสตร์ ปีกหลังขนาดใหญ่แบบยึดตายตัว พร้อมดีไซน์ท้ายรถใต้ปีกให้มีช่องอากาศไหลผ่าน ทำงานร่วมกับดิฟฟิวเซอร์ขนาดใหญ่ ช่วยเพิ่มแรงกดได้ 15% และเพิ่มประสิทธิภาพอากาศพลศาสตร์ได้ 10%
Venom F5 Stealth Series สุดพิเศษจะมีเฉพาะรุ่น Revolution เท่านั้น ความพิเศษรุ่นนี้อยู่ที่งานตัวถังโชว์ผิวคาร์บอนไฟเบอร์เปลือยคาดกึ่งกลางรถตั้งแต่หน้ารถไปจบท้ายรถ บวกกับงานสีตัวถังซึ่งทำด้วยมือเอกลักษณ์เฉพาะคัน แค่งานตัวถังและแซสซีที่เป็นคาร์บอนไฟเบอร์ต้องใช้เวลาทำกว่า 2,350 ชั่วโมง งานสีภายนอกใช้เวลา 650 ถึง 750 ชั่วโมง
โครงสร้างแซสซีและเปลือกตัวถังเป็นอลูมิเนียมทั้งหมด ดีไซน์ภายนอกต่างจาก Huracán อย่างสิ้นเชิง มีเส้นสายที่ตรงเรียบง่ายแต่เน้นแอโรไดนามิกและการระบายความร้อนที่ยอดเยี่ยม มีรูปทรงหกเหลี่ยม Hexagon เช่น ไฟ DRL กันชนหน้า, ไฟท้าย และปลายท่อไอเสีย
Battista Targamerica โดดเด่นด้วยความเป็นรุ่นเปิดประทุนทำพิเศษตามความต้องการลูกค้า แต่เดิม Battista จะมีกระจกบานหลังแต่ในคันนี้จะเปลี่ยนเป็นแบบทึบเซาะร่องไม่เหมือนใคร ตัวถังหลักมาในสีเงิน Argento Liquido Gloss พร้อมคาดเส้นส่วนล่างตัวถังด้วยสีน้ำเงิน Iconica Blu Gloss ใต้ปีกหลังแบบแอ๊คทีฟยังตกแต่งด้วยลายเส้น Pinstripes
B95 Gotham เป็นผลงานพิเศษหนึ่งเดียวที่ร่วมมือกับ Warner Bros. Discovery Global Consumer Products (WBDGCP) และ Relevance International ไฮเปอร์คาร์ไฟฟ้าคันนี้สะท้อนตัวตนของมหาเศรษฐี บรูซ เวย์น หรือแบทแมนนั่นเอง ตัวถังมาในโทนสีเทาหรู Argento Vittorio
แม๊คลาเรน มีจุดกำเนิดจากนักแข่งรถสูตร 1 นามว่า บรูซ แม็คราเลน ด้วยทักษะของเขาในด้านมอเตอร์สปอร์ต ทำให้เขาไปสู่จุดสูงสุด ด้วยการชนะการแข่งรถ Formula 1 ได้แชมป์โลกในฐานะนักแข่ง 8 ครั้ง และฐานะทีมทั้งหมด 12 ครั้ง เป็นแชมป์ครั้งแรก ด้วยวัยเพียง 22 ปี เท่านั้น จนได้เริ่มจัดตั้งทีมแข่ง McLaren ในปี 1963 สร้างรถยนต์ของเขาเอง จนต่อมาถ่ายทอดไปสู่ซุปเปอร์คาร์บนถนน ที่เราเห็นกันถึงปัจจุบัน
ด้วยความทะเยอทะยาน ของบุคคลทั้งสอง เพื่อที่จะสร้างยานยนต์ที่ไม่ธรรมดา Charles Rolls และ Sir Henry Royce จับมือร่วมกัน ในปี 1904 แม้ทั้งสองคนจะมาจากภูมิหลังที่ต่างกันมาก แต่กับกลายมาเป็นผู้ก่อตั้ง Rolls-Royce Motor Cars ได้อย่างไม่น่าเชื่อ จากความหลงใหลในงานวิศวกรรมและความปรารถนาที่จะสร้างรถยนต์ที่ดีที่สุดในโลก
แบรนด์ Koenigsegg เกิดขึ้นจากชายชื่อ Christian Von Koenigsegg ผู้ชื่นชอบและหลงใหลในยานยนต์มาตั้งแต่เกิด ช่วงอายุ 5 ขวบ เขาดูหนังเรื่อง The Pinchcliffe Grand Prix เกี่ยวกับช่างซ่อมจักรยาน ผู้สามารถสร้างรถแข่งของตัวเอง นั่นคือแรงบันดาลใจ เขามีความฝันที่อยากจะสร้างรถสปอร์ตที่สุดยอด ด้วยมือของเขาเอง แล้วเริ่มลงมือทำทันทีด้วยวัยเพียง 22 ปี เท่านั้น ในสมัยวัยรุ่น เขายังเคยเป็นที่รู้จักในฐานะจูนเนอร์จักรยานยนต์ ที่ดีที่สุดในเมืองอีกด้วย
ประวัติความเป็นมาของปอร์เช่เริ่มก่อตั้งขึ้นโดย Dr. Ferdinand Porsche เขาเกิดเมื่อ 3 กันยายน ค.ศ. 1875 เป็นวิศวกรยานยนต์ระดับหัวกะทิ เคยร่วมงานกับบริษัทรถชื่อดังอย่าง Mercedes-Benz ,Volkswagen เขามีชื่อเสียงมากจากการคิดค้นเชื้อเพลิงแบบแก๊สโซลีนเป็นครั้งแรก รวมถึงรถ Hybrid ที่เห็นกันอยู่ในปัจจุบัน เขาก็คือผู้คิดค้นคนแรกเมื่อปี 1990 ในชื่อว่า Lohner-Porsche เขาเป็นคนมุ่งมั่นตั้งใจกับงานของตนเองเพื่อสร้างสรรค์คิดค้นสิ่งใหม่เพื่อให้รถสปอร์ตของเขาเป็นไปตามความต้องการ โดยมี Ferry Porsche บุตรชายของเขา รับบทบาทปฏิบัติงานร่วมกันกับเขาตลอดเวลา