83 จำนวนผู้เข้าชม |
Aston Martin DB12 ได้สร้างนิยามใหม่ว่าเป็นรถแบบ Super Tourer ก้าวข้ามรูปแบบ Grand Tourer ปกติไปแล้ว ดังนั้นเราจะเห็นภาพลักษณ์และความดุดันที่ยกระดับขึ้นมาชัดเจน ล่าสุดยังเปิดตัวรุ่นใหม่ DB12 S มอบความโหดกว่ารุ่นมาตรฐานขึ้นไปอีก
รหัส S บ่งบอกได้ทันทีว่านี่คือรุ่นสมรรถนะสูงสุด ซึ่ง Aston Martin ใช้มาตั้งแต่ปี 1953 กับ DB3S รถแข่งในตำนาน ยาวมาถึง Rapide S, Vanquish S, DBX S, Vantage S และล่าสุดใน DB12 S รูปลักษณ์ของ DB12 S จัดว่าดุดันกว่ารุ่นมาตรฐานด้วยชุด สปลิตเตอร์หน้าแบบสองชั้น, ช่องครีบระบายความร้อนบนฝากระโปรงหน้า, ดิฟฟิวเซอร์หลังใหม่ และสปอยเลอร์ท้ายแบบตายตัว ยังได้ระบบไอเสียใหม่สแตนเลสออกสี่ท่อเรียงซ้อนแนวตั้ง ที่ขับเสียงให้โหดในทุกย่านความเร็ว และยังมีออฟชั่นท่อไอเสียไทเทเนียมที่ช่วยลดน้ำหนักได้ถึง 11.7 กก. พร้อมเสียงให้ดังขึ้นอีก 1.5 เดซิเบล
ช่วงล่างถูกปรับจูนใหม่ด้วยโช้คอัพ Bilstein DTX แบบ Adaptive เหล็กกันโคลงหลังที่แข็งขึ้น รวมถึงการตั้งค่า Camber, Toe และ Caster เน้นการควบคุมให้เฉียบคม พวงมาลัยไฟฟ้าและเฟืองท้ายไฟฟ้า (E-Diff) ก็ถูกปรับจูนเพื่อให้การตอบสนองเป็นธรรมชาติและมั่นใจยิ่งขึ้น เบรกให้แบบคาร์บอนเซรามิกเป็นมาตรฐาน จานหน้าขนาด 410 มม. จานหลัง 360 มม. ช่วยลดน้ำหนักใต้สปริง (unsprung weight) ได้ถึง 27 กก.
ระบบ Launch Control ก็ปรับปรุงใหม่ ลดเวลาการเปลี่ยนเกียร์ลงกว่า 50% ขณะที่ระบบ Drive-by-Wire รุ่นเฉพาะใน S ช่วยให้การตอบสนองคันเร่งแม่นยำและมอบความรู้สึกเชื่อมโยงกับรถมากยิ่งขึ้น
DB12 S มาพร้อมขุมพลัง V8 4.0 ลิตร เทอร์โบคู่ ที่ได้รับการอัพเกรดม้าเพิ่มขึ้น 20 ตัว กลายเป็น 700 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 800 นิวตันเมตร ที่ 2,750-6,000 รอบ/นาที เร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 3.5 วินาที กับท๊อปสปีด 325 กม./ชม.
ห้องโดยสารของ DB12 S โดยรวมยังคงเหมือนกับรุ่นมาตรฐานแต่เพิ่มรายละเอียดพิเศษเข้ามา เช่น ปุ่มปรับโหมดขับขี่แบบหมุนจะพ่นเป็นอะโนไดซ์สีแดง เบาะนั่งปักโลโก้ S ส่วนวัสดุภายในจะเอาเป็นหนังแท้ทั้งหมด หรือสลับ Alcantara โทนสีต่างๆ ก็สามารถ Config เองได้อย่างอิสระ
Aston Martin DB12 S พร้อมให้สั่งจองแล้วทั้งเวอร์ชั่น Coupe และ Volante (เปิดประทุน) โดยจะเริ่มส่งมอบตั้งแต่ ไตรมาสแรกของปี 2026
บทความโดย : Team Admin Bangkoksupercar.com
ข้อมูล : Aston Martin