บทความทั้งหมด

สำหรับ Corvette ZR1 คันสีเหลืองที่เราเห็นในรูปจะเป็นตัวที่เหมาะกับลงสนามแข่งที่สุด เพราะได้ติดตั้งแพ็คเกจ ZTK Performance เป็นชุดแต่งคาร์บอนไฟเบอร์ทั้งหมด เพิ่มปีกหลังขนาดใหญ่ให้แรงกดสูง สปอยเลอร์หน้า และลิป Gurney ที่ฝากระโปรงหน้า ช่วงล่างมีสปริงที่แข็งขึ้น เบรกคาร์บอนเซรามิกเป็นมาตรฐาน และใช้ยาง Michelin Pilot Sport Cup 2-R พร้อมสำหรับสนามแข่ง

SOLLEI ชื่อของมันนิยามจากคำว่า ดวงอาทิตย์ ('SOL') และความผ่อนคลาย ('LEI') แสดงถึงการใช้ชีวิตแบบเปิดโล่งและความผ่อนคลาย ตัวรถเป็นแบบเปิดประทุน 2+2 ที่นั่ง ขับเคลื่อนไฟฟ้า 100% ดีไซน์เน้นความหรูหราใหญ่โตเส้นสายเรียบง่ายเป็นเอกลักษณ์ของ Cadillac มาในโทนสีชื่อว่า Manila Cream ออกแนวพาสเทล ซึ่งเคยใช้กับรถ Cadillac ในปี 1957 และ 1958

Rimac Nevera 15th Anniversary Edition มีทั้งหมด 9 คัน โดยคันที่เราเห็นในรูปนี้ถือเป็นคันแรก มาในตัวถังสีทองแดงแบบผิวด้านซึ่งถือเป็น Nevera คันแรกที่ใช้ผิวด้าน พร้อมกับลวดลายผาดกลางตัวรถเป็นเหมือนแผงวงจรไฟฟ้าเชื่อมต่อกัน ส่วนครึ่งล่างตัวรถจะเป็นคาร์บอนไฟเบอร์เปลือยเงาดุดัน

DBX707 AMR24 เป็นรุ่นพิเศษที่ทำมาเฉลิมฉลองให้ทีมแข่ง F1 Aston Martin Aramco อีกครั้ง โดยจะดึงเอกลักษณ์มาจากรถแข่ง F1 AMR24 และรถแพทย์ Medical Car

เครื่องยนต์ V6 3.0 ลิตร เทอร์โบคู่ ได้ม้าเพิ่มเข้ามาอีก 35 ตัว กลายเป็น 735 แรงม้า ผลมาจากอัพเกรดระบบไอเสียสมรรถนะสูงของ NOVITEC ซึ่งใช้วัสดุ INCONEL ที่เบามากและยังให้เสียงที่โหดกว่าที่เคย

LEGO Technic McLaren P1 มาในกล่องบรรจุภัณฑ์ลายคาร์บอนไฟเบอร์สีน้ำเงินสุดเท่ ขนาดโมเดล 1:8 สูง 5.5 นิ้ว (14 ซม.) ยาว 23 นิ้ว (59 ซม.) และกว้าง 9.5 นิ้ว (25 ซม.) จำนวนชิ้นส่วนทั้งหมดมี 3,893 ชิ้น ออกแบบมาเพื่อการเคลื่อนไหวที่สมจริงใกล้เคียง P1 แท้ๆ มากที่สุด เกียร์ 7 สปีดไปจนถึงเครื่องยนต์ V8 จะทำงานเบื้องหลังให้คุณเห็นอย่างชัดเจน เหล่าปีกหลังแบบแอกทีฟ ระบบกันสะเทือนขั้นสูง และประตูแบบไดฮีดรัลอันเป็นเอกลักษณ์นั้นรวมอยู่ในคันนี้ทั้งหมด

McLaren ประกาศความร่วมมือกับ Divergent Technologies, Inc. (Divergent) ซึ่งเป็นบริษัทผลิตแบบดิจิทัลที่มีฐานอยู่ในแคลิฟอร์เนีย ความร่วมมือนี้จะทำให้ McLaren สามารถใช้ระบบ Divergent Adaptive Production System (DAPS) ในการผลิตชิ้นส่วนตัวถังเพิ่มเติมซึ่งจะมีความซับซ้อนยิ่งขึ้น ช่วยให้ซุปเปอร์คาร์รุ่นถัดไปของ McLaren มีน้ำหนักที่เบาลงรวมถึงปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานแบบไดนามิกได้มากขึ้น

Bugatti มุ่งเน้นในเรื่องมาตรฐานสูงสุดทั้งด้านประสิทธิภาพ ความปลอดภัย และความทนทาน Mistral มีการทดสอบการชนอันเข้มงวดเพื่อรับประกันความปลอดภัยของผู้โดยสาร ด้านอากาศพลศาสตร์ก็ทดสอบประเมินเรียบร้อย เครื่อง W16 และระบบส่งกำลังถูกทดสอบบนไดโนเพื่อให้ได้ตัวเลขต่างๆ ตามที่ตั้งไว้

เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2024 ที่สนามบินในเมืองเออเรบรู ประเทศสวีเดน เป็นสถานที่ทำลายสถิติโลกครั้งใหม่ Jesko Absolut ขับโดย Markus Lundh นักทดสอบของ Koenigsegg ทำความเร็วจาก 0-400-0 กม./ชม. ในเวลาเพียง 27.83 วินาที โค่นแชมป์เก่าในปี 2023 อย่าง Koenigsegg Regera ที่เคยทำได้ 28.81 วินาที

เป็น Huayra คันเดียวที่ใช้เกียร์ธรรมดา 7 สปีด จาก Xtrac และยังมีระบบกันสะเทือนใหม่แบบแอคทีฟซึ่งจะมีโหมด Super Soft กดได้จากภายในรถเป็นโหมดเน้นขับขี่สบายขั้นสุด ถ้าวิ่งเกิน 150 กม./ชม. ระบบจะตัดเข้าสู่โหมดปกติเอง

ห้องโดยสารพิเศษด้วยเบาะนั่งหุ้มหนังสีแดง burgundy และจะคาดเส้นสีเงินเส้นนี้ทำจาก Vegea ซึ่งเป็นผ้าทอวัสดุยั่งยืนที่ได้มาจากไร่องุ่น เป็นผ้าที่ให้ผิวสัมผัสเหมือนหนังและถูกนำมาใช้เป็นครั้งแรกในรถ Maserati แผงข้างประตูตกแต่งด้วยไม้ Briar สีเข้ม พนักพิงศรีษะปักโลโก้ตรีศูลผสานเข้ากับดวงอาทิตย์ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์เดียวกันที่พบได้บนฉลากขวดไวน์ Tignanello

Novitec Ferrari 296 GTS ภายนอกจะมากับชุดแต่งที่ทำจากคาร์บอนไฟเบอร์ทั้งหมด เช่น ลิ้นสปอยเลอร์หน้า, สเกิร์ตข้าง, ฝาครอบกระจกมองข้าง, ช่องอากาศข้างตัวรถ, แผงฝาครอบเครื่องยนต์, ดิฟฟิวเซอร์ท้าย และปีกท้ายแบบตูดเป็ด ได้ล้อฟอร์จจาก Vossen ขนาดด้านหน้า 20 นิ้ว หลัง 21 เลือกสีได้ตามต้องการ ช่วงล่างจะเลือกอัพเกรดเฉพาะสปริงอย่างเดียวหรือแบบยกชุดโช้คอัพก็ได้

La Grande Première เมื่อ 20 มิ.ย. 2024 มีแขกผู้มีเกียรติเข้าร่วมกว่า 300 คน ซึ่งจะได้สัมผัสไฮเปอร์คาร์รุ่นใหม่เป็นกลุ่มแรก งานนี้นำโดยซีอีโอ Mate Rimac ประธาน Christophe Piochon และกรรมการผู้จัดการ Hendrik Malinowski ให้การต้อนรับผู้เข้าร่วมงาน ในงานเราจะพบกับรถรุ่นในตำนานเก่าแก่มากมาย เช่น Type 57SC Atalante, Type 35 และ Type 41 Royale รวมถึงตัวหายากต่างๆ Chiron Profilée, Centodieci และ La Voiture Noire ก็สามารถพบตัวเป็นๆ ได้ที่นี่

ภายนอกของ Valiant มีการเสริมพาร์ทแอโรไดนามิกรอบคัน ที่สปลิตเตอร์หน้ากับสเกิร์ตข้าง จะเห็นว่ามีครีบเล็กๆ เสริมเข้ามาช่วยจัดเรียงอากาศและเพิ่มแรงกด บั้นท้ายได้ดิฟฟิวเซอร์ชุดใหม่พร้อมท่อไอเสียไทเทเนียมทรงกลม 4 ท่อ และที่เห็นชัดสุดคือปีกท้ายแบบตายตัวช่วยเรื่องแรงกดได้อย่างดี ล้อเป็นแมกนีเซียมน้ำหนักเบาขอบ 21 นิ้ว กับยางหน้า 275/35 และยางหลัง 325/30 ช่วยลดน้ำหนักในส่วน Unsprung Weight (น้ำหนักใต้สปริง) ได้ 14 กก. เบรกคาร์บอนเซรามิกด้านหน้าขนาด 410 มม. x 38 มม. และหลัง 360 มม. x 32 มม. ช่วงล่างเปลี่ยนมาใช้โช้กอัพ Multimatic Adaptive Spool Valve (ASV) ที่ปรับละเอียดได้แบบแยกตัว

Maserati ปล่อย MC20 สองซีรีส์พิเศษนั่นคือ MC20 Icona และ MC20 Leggenda เริ่มจาก MC20 Icona เป็นที่จดจำที่สุดกับงานสีเหมือนกับตัว MC12 Stradale ด้วยสีขาวด้าน Bianco Audace Matte และน้ำเงิน Blu Stradale คาลิปเปอร์เบรกสีน้ำเงิน และธงชาติอิตาลีข้างตัวรถ MC20 Leggenda ทำตามรูปแบบตัวแข่ง MC12 GT1 Vitaphone ด้วยตัวถังสีดำ Nero Essenza ตัดกับสีเขียว Digital Mint Matte ล้อเป็นสีดำ Nero Lucido โลโก้ไทรเดนท์ที่กระจังหน้ารถและด้านข้างตัวรถจะมาเป็นสีเหลือง

เริ่มจากพวงมาลัยที่เรียกว่า Fixed hub steering wheel จะเห็นว่าส่วนที่เป็นโลโก้ EB และเกจ์มาตรวัดจะไม่หมุนตามวงพวงมาลัย ไม่ว่าจะเลี้ยวองศาไหนก็ยังสามารถเห็นข้อมูลบนเกจ์วัดได้ครบถ้วนไม่บดบัง ชุดเกจ์มาตรวัดแบบอนาล็อกได้แรงบัลดาลใจจากนาฬิกาเปลือยกลไกระดับหรู ใช้วัสดุไทเทเนียม กระจกแซฟไฟร์ และเม็ดทับทิมแท้ เราจะเห็นเฟืองกลไกเคลื่อนไหวอยู่เบื้องหลัง

Mansory Huracán Sterrato ซุปเปอร์คาร์แนวออฟโรดที่ถูกแต่งแบบจัดเต็ม ด้วยชิ้นส่วนตัวถังเป็นคาร์บอนไฟเบอร์ทั้งหมดพร้อมลวดลายสุดอลัง ไม่ว่าเป็นส่วนของซุ้มล้อทั้งสี่, ฝากระโปรงหน้า, ชุดไฟ LED คู่หน้ารถ, หลังคา, ฝาท้ายเครื่องยนต์ และเพิ่มปีกท้ายขนาดใหญ่ ได้ล้อฟอร์จใหม่รุ่น FO.6 พร้อมยางออฟโรดสมรรถนะสูง

เบนท์ลีย์เรื่องคุณภาพงานสีคงไม่ไต้องพูดถึง การทำสีแบบซาตินบนรถแต่ละคันต้องใช้เวลาถึง 55 ชั่วโมง รถทุกคันจะเริ่มต้นจากสีเงา จากนั้นจึงขัดด้วยมือ ทำความสะอาด มาสก์ ปัดฝุ่น และทำความสะอาดอีกครั้งก่อนที่จะลงแลคเกอร์ใสด้วยมือในสองขั้นตอนเพื่อให้ได้ผิวซาตินที่เนียนสม่ำเสมอ

Jaguar F-Type เปิดตัวครั้งแรกในปี 2013 ถูกผลิตไปแล้ว 87,731 คัน และจะยังวางจำหน่ายต่อไปจนถึงต้นปี 2025 ถือเป็นรถเปิดประทุนเครื่องสันดาปสุดท้ายอีกรุ่นที่ใครตามหาต้องรีบเก็บด่วน และเพื่อส่งท้ายจะมี F-TYPE รุ่นสุดท้าย ที่ถูกนำไปเก็บเป็นคอลเลกชัน Jaguar Heritage ที่ Jaguar Daimler Heritage Trust น่าเสียดายที่ไม่ทำขาย

The Astera โครงการใหม่นี้มีมูลค่าการพัฒนารวม 900 ล้านเดอร์แฮมสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ประมาณ 200 ล้านปอนด์) นับเป็นการร่วมมือกันด้านอสังหาริมทรัพย์ครั้งแรกระหว่าง Aston Martin ในตะวันออกกลาง ผู้พักอาศัยจะได้รับประสบการณ์อันหรูหรา เอกลักษณ์งานฝีมือแบบรถซุปเปอร์คาร์จาก Aston Martin

แน่นอนว่าเป็นถึงรถของผู้ก่อตั้งสเปคย่อมจัดเต็มแน่นอน Nevera ของเขาไม่ได้ถูกลงสีแต่เป็นตัวถังคาร์บอนไฟเบอร์เปลือยทั้งหมดสีทูโทน สีแดงเป็นสีหลักตัดกับสีเทาธรรมชาติตามจุดต่างๆ ลวดลายเส้นใยคาร์บอนไฟเบอร์จะถูกเรียงกันอย่างประณีตไหลลื่นทั่วคัน อักษร Nevera ข้างตัวรถเป็นสีแดงชุบอโนไดซ์

ราได้ทราบข้อมูลไปบ้างแล้วว่ารุ่นใหม่จะมากับเครื่องยนต์ใหม่ล่าสุด V16 ไฮบริด ส่วนรูปร่างหน้าตายังเผยกันออกมาเล็กน้อยเท่านั้น เห็นได้จากคลิปภาพส่วนหน้าของตัวรถซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากช่วงเวลาทางประวัติศาสตร์อันรุ่งโรจน์ที่สุดของบูกัตติ เช่น Type 57 SC Atlantic, Type 41 Royale และ Type 35 มาผสมกับความล้ำสมัยยุคใหม่ ไฟท้ายตัวใหม่นี้จะมาในรูปแบบ 3 มิติ พร้อมกับตัวอักษร Bugatti ที่เป็นไฟเบรกในตัวเหมือน Mistral

เครื่อง V6 3.0 ลิตร เทอร์โบคู่ ก็อัพเกรดด้วยการติดตั้งกล่อง Novitec N-Tronic แบบ Plug&Play ได้ระบบไอเสียใหม่ที่เลือกได้ทั้งวัสดุสแตนเลสหรือ INCONEL ที่เบาพิเศษ ทำให้ได้กำลัง 711 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 818 นิวตันเมตร เร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลา 2.8 วินาที และท๊อปสปีดมากกว่า 325 กม./ชม.

Arese RH95 Grigio Artico สุดพิเศษนี้สร้างขึ้นเพียง 6 คัน เท่านั้น ตัวรถสร้างบนพื้นฐาน Ferrari 488 GTB ตัวถังดีไซน์ใหม่หมดทำจากคาร์บอนไฟเบอร์ จนได้ซุปเปอร์คาร์รูปลักษณ์หรูหราสง่างาม แต่ก็ยังเห็นความดุด้วยช่องรับอากาศหลายจุดรอบคันเน้นแอร์โรไดนามิกและการระบายความร้อนที่ดี

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้