Bugatti Centodieci ผ่านการทดสอบบนสภาพอากาศร้อนสุดขั้ว ในทะเลทรายแอริโซน่า

ไม่ว่าจะ Chiron ที่ผลิตหลายร้อยคัน หรือ Centodieci ที่มี 10 คันในโลก ทุกรุ่นต่างต้องผ่านการทดสอบอันทรหด เพื่อให้ตัวรถนั้นไร้ที่ติก่อนไปถึงมือลูกค้าทุกคน

Bugatti Centodieci นำทัพร่วมกับ Chiron Super Sport สี่คัน และ Chiron Pur Sport สามคัน บวกทีมวิศวกรอีก 27 คน เริ่มออกเดินทางระยะทางกว่า 800 กม. จากแคลิฟอร์เนีย มุ่งหน้าสู่แอริโซน่าดินแดนทะเลทรายอันร้อนระอุ ในบางช่วงอุณหภูมิสามารถแตะระดับ 50°C กันแบบง่ายๆ ต่อจากนั้นยังมุ่งหน้าขึ้น Mount Lemon ทางตอนเหนือของเมือง Tuscon รัฐแอริโซนา ที่มีระดับความสูง 2,800 เมตร บวกอุณหภูมิสุดโหด 45°C  ผ่านเส้นทางขุรขระ สภาพจราจรหลากหลาย จอดแช่ตากแดดร่วมหลายชั่วโมง ต้องวัดกันแล้วว่าคนหรือรถใครจะอึดกว่ากัน  

บนสภาพแวดล้อมเลวร้ายรถจะต้องวิ่งได้อย่างไร้ที่ติ แชสซีส์ เครื่องยนต์ ระบบส่งกำลัง การจัดการความร้อน ระบบไฟฟ้า เทเลเมทริก ความถี่วิทยุ เครื่องปรับอากาศ และกระบวนการเติมน้ำมัน จะมีการตรวจสอบอย่างละเอียดถี่ถ้วน ที่ตัวรถยังถูกติดตั้งเซ็นเซอร์ถึง 200 ตัว ซึ่งจะส่งข้อมูลไปยังวิศวกรที่ไซต์งาน และทีมพัฒนาที่ Wolfsburg ได้  

Centodieci มากับขุมพลัง W16 ขนาด 8.0 ลิตร เทอร์โบสี่ลูก ให้กำลังสูงสุด 1,600 แรงม้า ที่ 7,000 รอบ/นาที เร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 2.4 วินาที, 0-200 ใน 6.1 วินาที, 0-300 ใน 13.1 วินาที กับท๊อปสปีด 380 กม./ชม. ใช้ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ ส่งกำลังด้วยเกียร์ DSG 7 สปีด คลัทซ์คู่ เมื่อเทียบกับ Chiron มันเบากว่า 20 กก. รวมถึงได้แรงกดเพิ่มขึ้นอีก 90 กก. ดีไซน์ที่เปลี่ยนใหม่หมดยังต้องคำนึงถึงการระบายความร้อน การไหลเวียนอากาศ โดยเฉพาะบริเวณฝาครอบเครื่องยนต์ที่เป็นกระจกส่วนนี้จะทำให้อุณหภูมินั้นสูงมาก 

หลังจากจบภารกิจทดสอบอันร้อนระอุนี้ Centodieci จะเข้าสู่การทดสอบขั้นตอนสุดท้ายในยุโรป เป็นการวิ่งซัดทำความเร็วสูง และขับแบบ endurance วิ่งระยะทางไกลกว่า 30,000 กม. เมื่อทุกอย่างบรรลุเสร็จ มีการลงนามจากทีมพัฒนา Centodieci ทั้ง 10 คัน จะเริ่มผลิตที่โรงงานในเมืองมอลไซม์ ประเทศฝรั่งเศส โดยทันที

บทความโดย : Team Admin Bangkoksupercar.com
ข้อมูล :  Bugatti