เจาะจุดสำคัญ Bugatti Chiron Super Sport ทำไมมันถึงวิ่งเร็ว แถมควบคุมสุดยอดขนาดนี้!?

3065 จำนวนผู้เข้าชม  | 

เจาะจุดสำคัญ Bugatti Chiron Super Sport ทำไมมันถึงวิ่งเร็ว แถมควบคุมสุดยอดขนาดนี้!?

Bugatti Chiron Super Sport เป็นรุ่นที่สร้างมาเน้นทำท๊อปสปีดโดยเฉพาะ แต่การจะได้ความเร็วระดับนี้ บวกกับการควบคุมอันยอดเยี่ยมต้องประกอบด้วยอะไรบ้าง วันนี้เรามีคำตอบ

  ม่านอากาศใหม่

ที่กันชนหน้าของ Chiron Super Sport  จะมีช่องลมมุมด้านข้างเรียกว่า Air Curtain ช่วยสร้างม่านอากาศให้ไหลผ่านข้างตัวรถได้เป็นระเบียบและแนบเนียน มันช่วยลดการสูญเสียแรงดันและแรงต้าน ทำให้วิ่งความเร็วสูงได้อย่างสเถียร

  การไหลผ่านของอากาศส่วนหน้า

ส่วนหน้าของ Super Sport ถูกปรับดีไซน์ใหม่ เห็นจากช่องลมที่ใหญ่กว่าเดิม เพื่อรองรับปริมาณอากาศมากขึ้น 8% จาก Chiron ปกติ สำหรับการระบายความร้อนหม้อน้ำเข้าสู่เครื่อง W16 และตัวดิฟฟิวเซอร์หน้าถูกทำมาในแนวราบกว่าเดิม ช่วยให้อากาศเข้าสู่ซุ้มล้อน้อยลง

  รู 9 ช่อง ฟังก์ชั่นใหม่สำหรับระบายอากาศซุ้มล้อ

เหนือซุ้มล้อหน้าเราจะเห็นรูกลม 9 ช่อง ตัวรูมีความลึก 30 มม. ถูกป้องกันอย่างดีมั่นใจได้ว่าจะไม่มีหินทะลุออกมาจากรูระหว่างขับ มันทำหน้าที่คล้ายปล่องภูเขาไฟ ปล่อยอากาศส่วนเกินออกมา ช่วยควบคุมสมดุลระหว่างแรงกดแรงยกที่บริเวณล้อหน้าได้อย่างดี และยังช่วยสร้างแรงกดเพิ่มเติมประมาณ 20 ถึง 30 กิโลกรัม ที่ความเร็ว 380 กม./ชม. 

  ท้ายแบบหางยาว  สำหรับทำความเร็วสูง

จุดเด่นหลักของ Super Sport เห็นจะเป็นบั้นท้ายที่มีความยาวกว่า Chiron ปกติอีก 25 ซม. เพื่อเพิ่มพื้นที่การไหลอากาศทั้งด้านบนและด้านล่างตัวรถได้มากที่สุด ช่วยให้เกิดความสมดุลระหว่างแรงกดและแรงยก 

  ปีกหลัง

Super Sport มีปีกหลังแบบแอ๊คทีฟที่ขยายขนาดอีก 23 มม. เพิ่มจากเดิม 8% ส่งผลให้ประสิทธิภาพการใช้ airbrake ดีขึ้น มันจะยกตัวอัตโนมัติเมื่อคุณอยู่ในโหมด handling mode แต่เมื่อคุณใช้งาน Top-speed mode ปีกหลังจะถูกพับเก็บไป เพื่อเน้นลดแรงต้าน เป้าหมายคือสร้างสมดุลระหว่างแรงกดและการยกตัว

  ดิฟฟิวเซอร์ท้ายขนาดใหญ่ขึ้น

เพื่อลดแรงต้านให้น้อยที่สุด Super Sport จะได้ดิฟฟิวเซอร์ดีไซน์ใหม่ที่ยาวขึ้นอีก 23 มม. และกว้างเต็มแผงหลังรถ มีการย้ายตำแหน่งท่อไอเสียจากกึ่งกลางไปไว้ด้านข้างแนวตั้ง เพื่อเพิ่มพื้นที่ให้ดิฟฟิวเซอร์มากที่สุด ส่งผลให้ขนาดรวมของมันใหญ่กว่า Chiron ปกติถึง 32%

  ท่อไอเสียไทเทเนียม สร้างด้วยการพิมพ์ 3 มิติ 

ปลายท่อไอเสีย 2 ฝั่ง สร้างด้วยกระบวนการพิมพ์ 3 มิติ ทำจากวัสดุไทเทเนียมแบบ 2 ชั้น บางเพียง 0.4 มม. เบาเพียง 930 กรัม แถมมีการเว้นช่องไว้สำหรับระบายอากาศ เมื่อขับในความเร็วสูงอุณหภูมิสามารถแตะไปถึง 850 องศาเซลเซียส แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาเพราะตัวท่อทำจากไทเทเนียมมีจุดหลอมเหลวถึง 1,668 องศาเซลเซียส ทำให้ไม่ต้องกังวลว่าความร้อนจะลามไปทำให้ชิ้นส่วนรอบรถเกิดความเสียหาย 

  เครื่อง W16 ที่มีกำลังมากขึ้น และรอบสูงขึ้น

เพื่อให้ได้ท๊อปสปีด 440 กม./ชม. Bugatti ได้เพิ่มกำลังเครื่องยนต์ W16 ขนาด 8.0 ลิตร เป็น 1,600 แรงม้า (เพิ่มขึ้น 100 ตัว) มีการเพิ่มรอบเครื่องอีก 300 รอบ เป็น 7,100 รอบ/นาที จากเดิม 7,050 รอบ แรงบิดมหาศาล 1,600 นิวตันเมตร ก็ปรับให้ใช้ได้ตั้งแต่ 2,250 ถึง 7,000 รอบ/นาที (รุ่นก่อนสุดแค่ 6,000 รอบ)

  เทอร์โบชาร์จเจอร์มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

ชุดเทอร์โบก็ได้รับการอัพเกรด ได้คอมเพรสเซอร์ (ใบพัดฝั่งท่อร่วมไอดี) มีขนาดเพิ่มขึ้นจาก 74 เป็น 77 มม. กับเทอร์ไบน์ (ใบพัดฝั่งท่อร่วมไอเสีย) ขยายจาก 64.4 เป็น 67.2 มม. เมื่อวิ่งเต็มกำลังจะมีปริมาณอากาศไหลผ่านเทอร์โบทั้ง 4 ลูก มากถึง 4.8 ตัน ในทุกๆ ชั่วโมง 

  อัตราทดเกียร์ใหม่

การจะแตะท๊อปสปีด 440 กม./ชม. ได้อย่างรวดเร็วและไหลลื่น เป็นผลจากชุดเกียร์ 7 สปีด คลัทซ์คู่ ที่ถูกปรับอัตราทดเกียร์ใหม่ เกียร์ 7 นั้นยาวขึ้น 3.6% จาก Chiron ปกติ เมื่อคุณเหยียบคันเร่งแบบมิดไมล์ ชุดเกียร์จะเปลี่ยนจากเกียร์ 6 ไปเกียร์ 7 ที่ 403 กม./ชม. มาพร้อมอัตราเร่ง 0-200 กม./ชม. ใน 5.8 วินาที 0-300 ใน 12.1 วินาที และตัวเลข 0-400 กม./ชม. ใน 28.6 วินาที ทำให้มันเร็วกว่า Chiron ปกติ ถึง 12% หรือกว่า 4 วินาที

  แชสซีส์ที่ได้รับการพัฒนาและปรับแต่งใหม่

Chiron Super Sport เป็นเวอร์ชั่นที่เน้นทำความเร็วสูง บวกกับแอร์โรไดนามิกที่ทำใหม่ จึงต้องปรับค่าสปริง (Spring Rate) เพลาล้อหลังเพิ่มขึ้น 7% จาก Chiron ปกติ เพื่อรักษาเสถียรภาพที่ความเร็วสูงกว่า 420 กม./ชม.

  ยางมิชลินใหม่

ยางที่ใช้จะเป็นมิชลิน Pilot Sport Cup 2 ขนาดด้านหน้า 285/30 R20 ZR และหลัง 355/25 R21 ZR ที่ถูกทำมาพิเศษมีความแข็งแกร่งทนทานเหนือกว่า Chiron ปกติ รองรับความเร็วระดับ 420 กม./ชม. ได้อย่างสบายๆ ยางแต่ละเส้นจะถูกทดสอบที่ความเร็วเกินกว่า 500 กม./ชม. ภายในศูนย์ทดสอบยางสำหรับอากาศยานของมิชลิน หลังจากผลิตเสร็จยังต้องผ่านการเอ็กซเรย์ตรวจเช็ค เรียกว่าไม่ให้มีสิ่งผิดปกติเล็ดลอดออกไปได้เลย

  ล้อน้ำหนักเบา

เพื่อที่จะลดน้ำหนักในส่วน Unsprung Weight (น้ำหนักใต้สปริง) Chiron Super Sport มากับล้ออลูมิเนียมชุดใหม่ลาย 5 ก้าน ที่เบากว่า Chiron ปกติถึง 4 กิโลกรัม ต่อชุด หรือถ้าอยากเบากว่านี้อีกสามารถสั่งล้อแม็กนีเซียมที่เบากว่าล้อ Chiron ปกติถึง 16 กิโลกรัม จะพริ้วไปไหน...

บทความโดย : Team Admin Bangkoksupercar.com
ข้อมูล : Bugatti

 

 

 

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้