1942 จำนวนผู้เข้าชม |
หลังจากรุ่น Ferrari 812 Superfast ทำตลาดมาได้สักพัก ก็ถึงเวลาการกลับมาของตัวถังแบบ Spider โดยเปิดตัวในชื่อรุ่น Ferrari 812 GTS ถือเป็นระยะเวลานานมากที่ไม่ได้เห็น V12 วางหน้า เปิดประทุน แบบโปรดักชั่นผลิตจำนวนมาก เพราะที่ผ่านมาเฟอร์รารี่ทำตัวถังแบบ Spider แต่ผลิตเป็นรุ่นพิเศษเพียงไม่กี่คันเท่านั้น
ไฮไลต์หลักของ Ferrari 812 Superfast รุ่นนี้อยู่ที่หลังคาแข็งเปิดประทุน รับฟังเสียงคำรามเครื่อง V12 ได้แบบเต็มที่ ใช้เวลาเปิด-ปิด เพียง 14 วินาที เท่านั้น ระหว่างขับขี่สามารถเปิด-ปิดหลังคาได้ที่ความเร็วไม่เกิน 45 กิโลเมตร/ชั่วโมง รูปทรงด้านท้ายของหลังคาถูกออกแบบใหม่ มีการเสริมคาน 2 ตำแหน่ง ใต้กลไกหลังคาเพิ่มความปลอดภัยผู้โดยสารยิ่งขึ้น ตัวถังออกแบบตามหลักอากาศพลศาตร์ ด้านหน้ามีช่องสำหรับลดอุณหภูมิเบรก กับช่องลมแบบ Active เปิด-ปิดได้ ทำงานเมื่อความเร็ว 180 กม./ชม ขึ้นไป ช่วยจัดเรียงอากาศใต้ท้องรถลดแรงต้าน พร้อมลดเสียงเข้าห้องโดยสารในความเร็วสูง ฝากระโปรงหน้ามีช่องลมไหลผ่านลู่ออกไปช้างตัวรถเพิ่มแรงกด และ Diffuser ท้ายปรับแต่งใหม่ให้เข้ากับ GTS สามารถเปิด-ปิดได้
ภายในห้องโดยสารเหมือนกับที่เห็นใน Ferrari 812 Superfast แผงหน้าปัดสไตล์รถแข่งอ่านค่าได้ง่าย พวงมาลัยทรงท้ายตัดรวมปุ่มควบคุมไว้ทั้งหมด เช่น ลูกบิด Manettino เซทการขับขี่ได้ 5 รูปแบบ, ปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์, เซทช่วงล่าง, ระบบสื่อสารสั่งการด้วยเสียง ด้านฝั่งผู้โดยสารสามารถสั่งออฟชั่นเสริม Passenger Display แสดงข้อมูลต่างๆ ได้ครบเหมือนได้ขับเองช่วยเพิ่มอรรถรสได้ดีทีเดียว
Ferrari 812 GTS ใช้เครื่องยนต์วางหน้า V12 ไร้ระบบอัดอากาศ ขนาด 6,496 ซีซี รีดกำลังได้ 800 แรงม้า ที่ 8,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 718 นิวตัน-เมตร ที่ 7,000 รอบ/นาที สมรรถนะอัตราเร่ง 0-100 ที่ 3.0 วินาที ส่วน 0-200 ที่ 8.5 วินาที กับท๊อปสปีดลากสุดที่ 340 กิโลเมตร/ชั่วโมง พร้อมระบบเกียร์คลัทช์คู่ 7 สปีด ระบบควบคุมการทรงตัว, SSC 5.0 ประมวลผลร่วมกับ E-diff3, F1Trac, ABS/EBD และ FrS SCM-E เพื่อการขับขี่มีประสิทธิภาพสูงสุด
ระบบเบรกของ Ferrari 812 Superfast ให้มาแบบ จานคาร์บอน-เซรามิค 398 มม. ทางด้านหน้า และหลัง 360 มม. สวมสวมพร้อมยาง Pirelli P-Zero ขนาด 275/35 ZR20 และหลังขนาด 315/35 20
สำหรับค่าตัว Ferrari 812 GTS ยังไม่เปิดเผยออกมาแน่ชัด คาดว่าน่าจะตั้งไว้สูงกว่า 812 Superfast ที่เริ่มต้นไว้ที่ 33 ล้านบาท เราต้องมารอดูกันครับ
บทความโดย : Bangkoksupercar.com
ข้อมูล : Ferrari