356 จำนวนผู้เข้าชม |
Aston Martin ดึงชื่อ Vanquish กลับมาอีกครั้งและมันทรงพลังกว่าทีเคยมีมา มันคือคู่แข่งของ Ferrari 12 Cilindri ที่สมน้ำสมเนื้อ
Vanquish ใหม่ใช้โครงสร้างตัวถังอะลูมิเนียมแบบเชื่อมติดพร้อมระบบกันสะเทือนหน้าแบบปีกนกคู่และระบบกันสะเทือนหลังแบบมัลติลิงค์ที่ปรับปรุงใหม่ ตัวถังทำจากคาร์บอนไฟเบอร์ทั้งหมด ฐานล้อยาวขึ้นประมาณ 80 มม. (เพิ่มขึ้นระหว่างเสา A และเพลาหน้า) ด้านหน้ามากับกระจังหน้าชิ้นใหญ่ ฝากระโปรงหน้าเสริมช่องระบายอากาศ ไฟหน้า LED ใหม่ทั้งหมด ข้างตัวรถโชว์โลโก้บ่งบอกความเป็น V12 ชัดเจน หลังคากระจกพาโนรามิก บั้นท้ายแปลกใหม่ด้วยดีไซน์สปอยเลอร์เรียกว่า “Kamm Tail” และแผงคาร์บอนไฟเบอร์เรียกว่า “Shield” เหมือนโล่ขนาดใหญ่ ไฟท้าย LED แบบใบมีดเรียงกันฝั่งละ 7 ชิ้น ดิฟฟิวเซอร์ท้ายก็ใหญ่โตรับกับท่อไอเสียสี่ท่อ โช้คอัพใช้ Bilstein DTX ตัวล่าสุด เบรกคาร์บอนเซรามิกด้านหน้าขนาด 410 มม. ด้านหลัง 360 มม. คู่กับยาง Pirelli P Zero ทำเฉพาะ Vanquish
ห้องโดยสารเป็นสไตล์เดียวที่พบใน DB12 ทั้งจอหน้าปัด TFT ขนาด 10.25 นิ้ว จอกลางสัมผัสขนาด 10.25 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay ไร้สาย มีจุดที่ปรับปรุงเล็กน้อยอย่างคอนโซลกลางบริเวณปุ่มควบคุมถูกปรับให้เป็นระนาบแนวนอนต่ำกว่าเดิมเพื่อความกว้างโอ่อ่า วัสดุภายในก็หรูหราตามสไตล์ Aston Martin
Vanquish มากับขุมพลัง V12 5.2 ลิตร เทอร์โบคู่ ที่ทรงพลังที่สุดของแบรนด์ ให้กำลังสูงสุด 835 แรงม้า ที่ 6,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 1,000 นิวตันเมตร ที่ 2,500-5,000 รอบ/นาที เร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 3.3 วินาที กับท๊อปสปีด 345 กม./ชม. ใช้เกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด จับคู่กับเฟืองท้ายอิเล็กทรอนิกส์ ขับเคลื่อนล้อหลัง
เครื่องยนต์ถูกปรับปรุงในหลายจุด ได้แก่ เสื้อสูบและก้านสูบที่แข็งแกร่งขึ้น ฝาสูบออกแบบใหม่โดยใช้เพลาลูกเบี้ยวที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ ช่องไอดีและไอเสียใหม่ หัวเทียนที่เปลี่ยนตำแหน่ง หัวฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีอัตราการการจ่ายสูงขึ้นให้การเผาไหม้ที่มีประสิทธิภาพ ตัวเทอร์โบชาร์จเจอร์ก็เร็วขึ้นและแรงเฉื่อยลดลง ส่งผลต่อการตอบสนองคันเร่ง
Vanquish จำกัดจำนวนการผลิตไม่เกิน 1,000 คันต่อปี โดยจะจัดส่งคันแรกได้ในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปี 2024
บทความโดย : Team Admin Bangkoksupercar.com
ข้อมูล : Aston Martin